สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรมรังสี หรือที่หลายคนเรียกว่า สมเด็จโต บ้าง สมเด็จวัดระฆัง บ้างนั้น ถือได้ว่าเป็นพระสงฆ์รูปสำคัญในประเทศไทย ที่ได้รับความนิยมและนับถืออย่างมาก ถึงแม้ในปัจจุบันความนิยมนั้นก็ยังไม่เสื่อมคลาย ด้วยทรงเป็นพระเกจิเถราจารย์ผู้มีปฏิปทาจริยาวัตรน่าเลื่อมใส จึงเป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป
ประวัติสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรมรังสี
สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรมรังสี ทรงเกิดในสมัยรัชกาลที่ 1 ที่บ้านไก่จ้น อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยประวัติแล้วไม่สามารถระบุได้แน่ชัดว่าบิดาและมารดาของท่านเป็นใคร เพราะแต่ละประวัติกล่าวไม่ตรงกัน
สมเด็จพระพุทธฒาจารย์ ได้บรรพชาเป็นสามเณรเมื่อ พ.ศ. 2343 และทรงเป็นที่โปรดและเมตตาของรัชกาลที่ 1 เป็นอย่างมาก ครั้นเมื่อถึงวัยอุปสมบทจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้อุปสมบทเป็นนาคหลวงที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม มีฉายานามในพุทธศาสนาว่า พฺรหฺมรํสี
สมเด็จพระพุทธฒาจารย์ ทรงเป็นที่เคารพนับถือเป็นอย่างยิ่งทั้งจากรัชกาลที่ 2 – 3 ในรัชกาลที่ 2 ได้โปรดเกล้าฯ ให้พระภิกษุโตรับไว้ในพระบรมราชูปถัมภ์ ส่วนในรัชกาลที่ 3 ทรงสถาปนาสมณศักดิ์เพื่อยกย่องในกิตติคุณและเกียรติคุณ แต่สมเด็จพระพุทธฒาจารย์ไม่ทรงยอมรับเนื่องจากไม่ปรารถนายศศักดิ์หรือลาภสักการะใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ถึงอย่างนั้นด้วยความเป็นที่โปรดปราณขององค์กษัตริย์รวมทั้งรัชกาลที่ 4 จึงมีพระราชทานสมณศักดิ์ถวายสมเด็จพระพุทธฒาจารย์ โดยมีสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะที่ราชทินนาม พระธรรมกิติ และดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดระฆังโฆสิตาราม
อีก 2 ปีต่อมา สมเด็จพระพุทธฒาจารย์ได้รับการเลื่อนสมณศักดิ์อีกครั้งเป็นพระราชาคณะชั้นผู้ใหญ่ ในราชทินนาม พระเทพกวี
และหลังจากนั้นอีก 10 ปี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมณศักดิ์ขึ้นเป็นสมเด็จพระราชาคณะชั้นสุพรรณบัฏ ในราชทินนาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ ซึ่งเป็นสมณศักดิ์สูงสุดและสุดท้ายที่ท่ายได้รับ
ปัจจุบันสมเด็จพระพุฒาจารย์ยังคงเป็นที่เลื่อมใสของพุทศาสนิกชนคนไทยทั่วไป ด้วยพระจริยาวัตรและหลักคำสอนของสมเด็จพระพุฒาจารย์ยังคงตราตรึงและเป็นแนวทางในการใช้ชีวิตของคนไทยทุกคนตราบจนทุกวันนี้…