“การที่พกพาพระเครื่องติดตัวไว้ตลอดเวลาเพราะมีความเลื่อมใสศรัทธา และยังเป็นการช่วยเตือนสติตนเองให้ดำรงชีวิตอยู่ด้วยความไม่ประมาท พุทธศาสนาสอนให้มนุษย์ทุกคนเป็นคนดี ประกอบแต่กรรมดี มีเมตตา เมื่อเราทำดีก็ต้องได้ดีกลับมา หากทำชั่วก็ต้องได้ชั่ว ผมเชื่อว่าหากเราทำดีแล้วพุทธคุณย่อมคุ้มครองแม้เข้าตาจนก็ยังแคล้วคลาดปลอดภัยเอาตัวรอดได้” นี่คือความเชื่อของ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์ จริตเอก ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม และเป็นอดีตรอง ผบ.ตร.
พล.ต.อ.เรืองศักดิ์หรือที่พี่น้องในวงการผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เรียกขานด้วยความสนิทสนมว่า “บิ๊กอ๊อด” จบการศึกษาเป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 15 (ตท.15) นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ 31 (นรต.31) ถือเป็นนายตำรวจที่มีใจโน้มเอียงเข้าหา พระธรรมชมชอบการไปทำบุญตามวัดต่างๆ หากมีเวลาว่างจากงานประจำเป็นอุปนิสัยส่วนตัวที่ถูก ปลูกฝังมาจากบิดา-มารดา ตั้งแต่สมัยยังเด็ก ด้วยครอบครัวมักจะพาไปทำบุญตามวัดอยู่เป็นประจำ
นอกจากนี้ พระธรรมคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้ายังสามารถนำมาใช้เป็นหลักในการดำเนินชีวิตได้ โดยนำแก่นธรรมคำสอนมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองรวมทั้งสังคมส่วนรวม เนื่องเพราะคำสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าไม่เคยล้าสมัย เป็นกฎของธรรมชาติ พล.ต.อ.เรืองศักดิ์จึงใช้ หลักแบบพุทธเข้ามาบริหารงาน โดยใช้หลักพรหมวิหาร 4 คือ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ซึ่งถือเป็นหัวใจของผู้บริหาร ธรรมนี้ใช้ได้ทุกยุคทุกสมัย
บิ๊กอ๊อดเป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบสะสมพระเครื่อง ชื่นชอบในการสะสมพระเครื่องมายาวนาน
“การสะสมพระเครื่องของผมไม่เน้นว่าเป็นพระเก่าหรือพระใหม่ การสะสมพระเครื่องของผมนั้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความศรัทธา และเพื่อเป็นพลังใจ เป็นที่ระลึกให้เรามีสติในการทำงาน ความเชื่อของคนเราก็จะต้องมีความคิด และในความคิดนั้นเราต้องเสริมสร้างให้เกิดพลังใจ-พลังกาย มีเรี่ยวแรงที่จะทำสิ่งต่างๆ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน วัตถุมงคลที่เราสะสมก็เลยคู่กับตัวเรา เพื่อเสริมให้มีพลังใจ พลังกาย และพลังความคิด ในการทำหน้าที่ที่ดีเพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน”
สำหรับพระเครื่องที่อยู่ติดตัว บิ๊กอ๊อดเผยว่า “ตั้งแต่สมัยอดีตช่วงเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจชั้นปีที่ 4 ก่อนที่จะจบออก มาทำงาน จะมีปัจฉิมนิเทศ โดย พล.ต.อ.มนต์ชัย พันธุ์คงชื่น อดีตอธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้น กล่าวให้โอวาทเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ที่จะทำงานเพื่อประชาชน เพื่อสังคม จากนั้นท่านได้มอบเหรียญหลวงปู่แหวน สุจิณโณ วัดดอยแม่ปั๋ง อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ รุ่นเราสู้ และได้คล้องคอติดตัวมาตลอดจนถึงปัจจุบัน”
“จริงๆ แล้วผมยังมีพระเครื่องอีกส่วนหนึ่งที่สะสมอยู่ แต่เหรียญหลวงปู่แหวนที่คล้องอยู่ทุกวันนี้เป็นเหรียญที่ผู้บังคับบัญชาระดับสูงในช่วงนั้นมอบให้ ก่อนที่เราจะก้าวสู่วิถีการเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจอย่างเต็มภาคภูมิถือเป็นวาระแรกและเป็นขวัญและกำลังใจที่อยู่ด้วยจนถึงทุกวันนี้”
สำหรับหลักธรรมในการปกครองตนเองและผู้ใต้บังคับบัญชานั้น ในฐานะที่พล.ต.อ.เรืองศักดิ์เป็นเด็กต่างจังหวัด มีโอกาสเข้าเรียนในโรงเรียนเตรียมทหารและโรงเรียนนายร้อยตำรวจ จนเริ่มรับราชการตำรวจ กระทั่งผ่านมาจนถึงปัจจุบัน
“งานอาชีพตำรวจเป็นงานที่แข็ง เป็นงานที่อาจจะยากหรือลำบาก ฉะนั้นส่วนที่จะทำให้เกิด ความเยือกเย็น คือหลักที่ว่า “เมตตาธรรมค้ำจุนโลก” เรานำมาขยายความแล้วนำมาใช้ในการทำงาน ร่วมกับลูกน้องผู้บังคับบัญชา ที่สำคัญคือการอยู่กับเพื่อนร่วมงาน และบุคคลทั่วไป” บิ๊กอ๊อดกล่าว ทิ้งท้าย